BIG BAG BAGS...

มาถึงเอนทรี่ที่ 3 แล้ว ในเอนทรี่นี้จะขอเขียนถึงตั้งแต่การเลือกซื้อของ ไปจนถึงการจัดกระเป๋า แต่ต้องขอออกตัวก่อนนะค่ะว่า เราไม่ได้เซียนในเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวต่างเทศเท่าไหร่นัก แต่ที่มาแชร์เพราะบางสิ่งที่ทำไปมันก็เวิร์คอยู่พอสมควร แต่บางอย่างก็ไม่เวิร์คเอาซะเลย ฉะนั้นอันไหนดี อันไหนไม่ดี ก็เลยอยากเอาประสบการณ์ตรงมาบอกต่อกันค่ะ...

สำหรับการจัดกระเป๋าเดินทาง บางคนอาจจะเตรียมตัวไว้ล่วงหน้านานๆก็ได้ค่ะ ยิ่งนานก็ยิ่งดี เพราะจะได้ไม่ต้องรีบจัดจนลืมโน่น นี่ นั่น ค่อยๆจัดไปจนมั่นใจว่าไม่ลืมอะไรแล้วจะดีที่สุึดนะค่ะ สำหรับเราบอกได้เลยว่า มีเวลาจัดกระเป๋าแค่ 2 วันเท่านั้น เนื่องจากเราต้องฝึกงานแล้วกำหนดระยะเวลาของการฝึกงานเนี่ยก็เสร็จก่อนวันเดินทางที่แจ้งให้นายจ้างทราบประมาณ 3 วันเท่านั้นค่ะ เพราะฉะนั้นเวลาก็จะกระชั้นชิดมาก เราวางแผนการจัดกระเป๋าโดยเริ่มจาก การลิสต์รายการของจำเป็นที่ต้องซื้อ ลิสต์ไว้ทุกวันค่ะ นึกอะไรออกก็จดใส่สมุดไว้รวมกัน เพื่อวันที่ไปซื้อของจะได้ซื้อตามลิสต์ได้อย่างรวดเร็ว...

โดยแบ่งออกเป็น 3 หมวดใหญ่ๆค่ะ คือ ของกิน,ของใช้ และ ยารักษาโรค

ในส่วนของของกิน ก็จะเน้นเป็นพวกผงทำอาหารกึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อต่างๆ เช่น Lobo ค่ะ เอาไปหลายๆแบบหน่อย เราลือกผงปรุงรสลาบน้ำตก,แกงส้ม,ต้มยำ,แกงเขียวหวาน,พะแนง อย่างละ 5 ซองค่ะ แล้วก็เอาพวกคนอร์ก้อนรสหมู,ไก่ และ รสต้มยำ ไปอย่างละกล่องใหญ่ แล้วก็คนอร์แบบผงที่เอาไว้ผัด (คนอร์อร่อยชัวร์) เอาไป 2 ซองใหญ่,น้ำพริกตาแดงและน้ำพริกนรกแบบกระปุกที่มีฝาปิดแน่น และมีชื่อสินค้าพร้อมคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ,น้ำปลาแบบขวดพลาสติกกันแตกขวดกลาง,น้ำมันหอยขวดเล็ก (เพราะน้ำมันหอยส่วนใหญ่ขวดเป็นแบบแก้ว จึงกลัวแตก),โจ๊กแบบซองกึ่งสำเร็จรูปรสหมู,ไก่อย่างละแพค,มาม่าแบบซองเลือกรสตามใจชอบ (เราไม่ค่อยชอบกินมาม่าจึงเอาไปนิดเดียวค่ะ),วุ้นเส้น,เส้นหมี่ขาว,กะทิชาวเกาะกล่องเล็ก 3 กล่อง,ข้าวสาร 5 กิโลกรัม 1 ถุง (หนักมากกกกกกก) คร่าวๆก็ประมาณนี้นะค่ะ

ทริค พยายามซื้อของที่คิดว่าหาซื้อที่อเมริกาไม่ได้แน่ๆค่ะ พวกเครื่องปรุงนี่ขนไปเยอะๆจะดีมาก โดยเฉพาะคนที่ติดอาหารรสจัด แต่สำหรับพวกเครื่องเทศสากล เช่น พริกไทยป่น พริกไทยดำ ไม่ต้องห่วงนะค่ะที่โน่นมีเยอะและถูกมากด้วยค่ะ

ทริค2 สำหรับเรื่องข้าวสาร เราลงทุนแบกไป 5 กิโลกรัม แต่ดันไปค้นพบว่า เมืองที่ไปอยู่ซุปเปอร์มาเกตแถวบ้านมีข้าวขายถูกมากกกกกก และลดราคาบ่อยมากด้วยค่ะ เรากับเพื่อนไปขนซื้อตุนกันมา 4 ถุง ถุงละ 13 กิโลกรัม ขายถุงละ 8.99$ เท่านั้น (ถูกกว่าที่ไทยอีกมั๊งงง) กินกันจนเพื่อนคนไทยกลับไปหมดแล้วข้าวยังเหลือเลยค่ะ เหอะๆ (แต่เราไม่การันตีนะค่ะ ว่าทุกเมืองซุปเปอร์มาเกตจะมีข้าวสารขายในราคาถูกแบบนี้ แต่ขอยืนยันว่า ถ้าไปโดยปราศจากข้าวนี่ทรมานใจจริงๆค่ะ...)

ทริค 3 สามารถนำอาหารที่แบกมาเอามาแชร์กันกับเพื่อนร่วมบ้านได้นะค่ะ อย่างบ้านเรามีน้องคนไทยอีก 6 คน ก็เอามาแชร์และทำอาหารร่วมกัน (จะเขียนรายละเอียดเรื่องการแชร์บ้านในเอนทรี่หน้าๆนะค่ะ) ก็ประหยัดและได้อาหารหลากหลายขึ้นด้วยค่ะ...

สำหรับของใช้  ก่อนอื่นเราต้องเชคสภาพอากาศเมืองที่เราจะไปอยู่ก่อนว่าช่วงนั้นอากาศเป็นยังไง หนาว ร้อน อุณหภูมิขนาดไหน?? จะได้เลือกเตรียมเสื้อผ้าไปถูก สำหรับเมืองที่เราไปจะอยู่ติดทะเล คือมีทะเลเยอะมากก และเชคสภาพอากาศแล้วอุณหภูมิช่วงนั้น (คือช่วง Spring ระหว่าง March - June) ประมาณไม่เกิน 10 องศาแน่นอน (สามารถเชคได้โดยใช้ http://weather.yahoo.com/ ก็ได้ค่ะ พิมพ์ชื่อเมืองที่เราจะไปลงไป) ดังนั้นเสื้่อผ้าที่จะเตรียมไปก็คงต้องเน้นเสื้อกันหนาวหนักๆหน่อยค่ะ โดยเราเตรียมลองจอนสำหรับใส่กันหนาวชั้นในสุด 2 ตัว (สามารถหาซื้อได้ที่ประตูน้ำ มีหลากหลายราคาแล้วแต่คุณภาพ), เสื้อโอเวอร์โคท หรือเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ 2 ตัว (แต่ใส่จริงแค่ตัวเดียว...==") กางเกงขายาวสีดำ 3 ตัว (อันนี้ทางนายจ้างรีเควสว่าให้เตรียมมาสำหรับใส่ทำงาน),รองเท้าผ้าใบเบรคเกอร์สีดำ 1 คู่ (อันนี้นายจ้างก็รีเควสมาเหมือนกันค่ะ), เลคกิ้ง 3 ตัว, กางเกงขาสั้น 2 ตัว (เผื่อวันไหนเกินอากาศดีๆ), เสื้อแขนยาว 3 ตัว (เป็นแนวเสื้อไหมพรม 2 ตัว เสื้อแขนยาวธรรมดา 1 ตัว), ถุงเท้า, ถุงมือ, หมวก, ผ้าพันคอ 2 ผืน,บิกินี่ (อย่างที่บอกว่าเมืองติดทะเล ...อิอิ),รองเท้าบูทส้นไม่สูง 1 คู่,รองเท้าแตะ 1 คู่,รองเท้าสวมแบบส้นเตี้ย ที่เรียกว่า Flat top อ่ะค่ะ 1 คู่, รองเท้าบูทเท่าตาตุ่มส้นสูง 1 คู่ (เผื่อไปแฮ๊งเอ๊าท์ ฮ่าฮ่า),ไม้แขวนเสื้อ,อุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัว ต่างๆ เช่น ชุดชั้นใน, ผ้าอนามัย,แปรงสีฟัน, สบู่,ยาสีฟัน,ยาสระผม,โฟมล้างหน้า แนะนำให้เอาไซส์เล็กไปนะค่ะ เพราะที่โน่นหาซื้อได้ไม่ยาก และมีให้เลือกหลายแบบหลายกลิ่นมากๆๆ

ทริค เสื้อผ้าที่แบกไป ไม่ควรเป็นเสื้อผ้าราคาแพงหรือมียี่ห้อ เพราะเราขนไป แต่ส่วนใหญ่ ไม่ได้ขนกลับค่ะ! เพราะจะไปซื้อเพิ่มเอาใหม่ที่โน่น จนไม่สามารถยัดเสื้อผ้าของเก่าที่ขนไปกลับได้ โดนส่วนตัวเราทิ้งเสื้อโค้ทขนเฟอร์ไป 1 ตัว,รองเท้าบูทส้นสูง 1 คู่,รองเท้าผ้าใบทำงาน, กางเกงดำใส่ทำงาน, ถุงเท้ากับถุงมือทิ้งทุกคู่,เสื้อสเวตเตอร์ 1 ตัว,ลองจอนทิ้งทั้ง 2 ตัวเลยค่ะ เพราะต้องเอาที่ว่างมาใส่ Marc by Marc Jacob แทน...เห็นมั๊ยล่ะค่ะ.....:')

ทริค 2 สำหรับพวกอุปกรณ์อิเลคทรอนิค โน้ตบุ๊ค,ไอแพด,พอด,กระเป๋าตัง,ของมีค่า,เครื่องสำอางทั้งหลาย แยกไว้ใส่กระ้ป๋าแครี่ออนขึ้นเครื่องนะค่ะ รวมถึงอุปกรณ์ชาร์ตไฟที่จำเป็นด้วย เผื่อต้องไปรอเครื่องจะได้ไม่เหงา....

ทริค 3 ควรซื้อพวกของฝากเล็กๆน้อยๆที่สื่อถึงประเทศไทย เช่น พวงกุญแจ ที่ติดตู้เย็น เป็นต้น ไว้ไปฝากเพื่อนใหม่ที่โน่นด้วยจะดีมากกกก เพราะเขาจะอึ้งและซึ้งใจกับความมีน้ำใจของเราสุดๆ :)

ส่วนสุดท้าย ยารักษาโรค แนะนำให้พกยาที่เป็นกล่องใหม่ ยังไม่ได้ผ่านการใช้งานมาก่อนจะดีกว่านะค่ะ และฉลากยาต้องชัดเจน มีภาษาอังกฤษกำกับ เราพกไปหลักๆก็พวกพาราเซตามอล,ยาแก้ท้องอืด,อีโน,ยาแก้ภูมิแพ้,พอนสแตน,ยาแก้ไอ,ยาแก้หวัด,เกลือแร่,แอลกอฮอลเช็ดแผล,เบตาดีน แพครวมกันแล้วหากระเป๋ายาใบเล็กๆมาใส่แล้วจับยัดไว้ในกระเป๋าเดินทางใหญ่เลยค่ะ...

พอจัดทุกอย่างยัดลงกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว จะพบว่าในอนาคตอันใกล้ เราต้องแบกกระเป๋าเดินทางไซส์ใหญ่ 1 ใบ และไซส์กลาง 1 ใบ พร้อมเป้หลังเป็นแครี่ออนขึ้นเครื่องอีก 1 ใบ รวมน้ำหนักทั้งสิ้น 53 กิโลกรัม (เยอะกว่าน้ำหนักตัวเราอีก งืออออออ) ยังไงก็ขอให้โชคดีกันทุกคนนะจ๊ะ

ทริค อย่าลืมอีเมลล์ไปสอบถามนายจ้างเรื่องบ้านและอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆในบ้านนะจ๊ะ จะได้รู้ว่าเรามีอะไรที่ต้องเตรียมเพิ่มมั๊ย? เช่น หมอน,ผ้าห่ม เป็นต้น.... แต่ส่วนใหญ่นายจ้างเขาก็จะจัดเตรียมไว้่ให้หมดอยู่แล้ว แต่ระวังเจอแจคพอตเหมือนบ้านเรา คือผ้าห่มที่ให้มาเหมือนเอากระดาษสามาห่มอ่ะ บางและเบามากๆ ฮีทเตอร์ที่ใช้ในบ้านก็ดันมาเสียอีก เรียกได้ว่ากว่าจะนอนหลับได้แต่ละคืนในช่วงที่อากาศหนาวน่ะ ทรมานมากจริงๆ ถึงขั้นต้องลุกมาใส่โอเว่อร์โคทนอนก็ทำมาแล้วนะเออ.......

.

GOOD LUCK :)