Catch the SUNSET up..

รู้มั๊ย? ว่าสิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้และคิดว่าเป็นประโยชน์กับตัวเองมากที่สุด ในการมา Work&Travel นั่นก็คือ การได้สลัดเอา ความขี้เกียจ ออกไปให้พ้นจากตัวเรานั่นเอง ทั้งทำงานที่ร้านที่เหนื่อยจนใจจะขาด (แต่พอได้รับ Pay เชคก็หน้าบานทันใด)  ทำงานบ้าน ทำกับข้าว ทำความสะอาดห้อง เรียกได้ว่า ทุกอย่างต้องทำด้วยตัวเองหมด บางทีเหนื่อยจากการทำงานที่ร้านมากกก คิดในใจว่าถ้าเลิกงานกลับบ้านไปก็อยากจะขอขนอนยาว นอน นอน นอนแล้วก็นอนให้มันลืมโลกไปเลย ขี้เกียจจะทำอะไรแล้ว แต่พอเอา เข้าจริงๆ ก็รู้สึกได้ว่า เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อมานอนนี่หน่า  จะนอนก็นอนอยู่บ้านที่ไทยก็ได้ เรามาที่นี่ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์อันมีค่าครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ละวันที่เวลามันเดินไป เราย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้น ต้องทำให้ทุกวันเป็นวันที่ดีที่สุด....แล้วเราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง

สลัดความเหนื่อยล้า และความขี้เกียจ แล้วออกไปดูพระอาทิตย์ตกดินกัน......

เส้นทางนี้ค้นพบด้วยความบังเอิญเมื่อหลายวันก่อน โดยกลุ่มน้องๆในบ้าน (เราไม่ได้ไปด้วย)

 วิวตามทาง มีบ้านน่ารักๆ สลับกับป่ารกๆเป็นระยะ (แต่ป่าไม่รกน่ากลัวขนาดนั้นนะ)

ถ้าจะให้อธิบายเส้นทางการเดินไปดูพระอาทิตย์ตกดินในวันนี้ก็คงยากอ่ะ เพราะว่าบอกไม่ถูกเหมือนกัน อาศัยการเดาและความมั่วล้วนๆ เนื่องจากเมื่อหลายวันก่อน น้องๆในบ้านก็มั่วมาตามทาง แล้วก็ไปจ๊ะเอ๋กับชายหาดที่มีป้ายแปะไว้ว่า Skaket beach


ใช้เวลาเดินเท้าจากบ้านเวนดี้ มาประมาณเกือบๆชั่วโมงได้ แต่ก็เดินกันมาชิลๆนะ เพราะอากาศเย็นสบาย แวะซื้อชอคโกแลตร้อนร้านจาก Chocolate Sparrow ชอบเป็นพิเศษก็ชอคแลตร้อนเพิ่มคาราเมลไซรัป แก้วล่ะ 2.50$ อร่อยกว่าสตาร์บั๊คเยอะ!

ร้านนี้เป็นร้านอาหารโคตรหรู ถ้าเดินผ่านร้านนี้แปลว่าใกล้ถึงแล้ว...

แสงแดดจ้าส่องอยู่ลิบๆ ขณะนี้เป็นเวลา 6 โมงเย็นกว่าๆ

โค้งสุดท้ายของการเดินทาง...

หลังจากเดินมั่วมาเรื่อยๆ ก็เริ่มเจอทรายสีขาวเม็ดละเอียดอยู่ปะปนกับหินตามสองข้างทาง ก็เลยรู้ว่าเราใกล้ถึงจุดหมายแล้ว และยิ่งเดินต่อไปใกล้เข้าไปอีก  ก็ยิ่งเจอทรายสีขาวเยอะเต็มสองข้างทางเลย

วิ่งกระโจนใส่ชายหาด ขณะนี้เป็นเวลา หนึ่งทุ่มพอดิบ...พอดี

พอเดินมาถึงบริเวณชายหาด พระอาทิตย์ก็กำลังจะตกพอดี...เป็นภาพที่สวยมากกกกก มากจนไม่รู้จะบรรยายยังไง เพราะไม่เคยดูพระอาทิตย์ตกดินที่ไหนสวยขนาดนี้มาก่อน นั่งชมพระอาทิตย์ตกดินไป จิบชอคแลตร้อนไป (ที่ตอนนี้เริ่มกลายเป็นชอคโกแลตเย็น) แฮปปี้มากกกกกจริงๆ...

แชะภาพเป็นที่ระลึกซะหน่อย

ผู้ร่วมเดินทางในทริปนี้...

 Bye Bye see you tomorrow!

พอพระอาทิตย์หายวับไปแล้ว ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงเรื่อยๆ ขณะนั้นก็เวลาประมาณเกือบๆ 2 ทุ่มได้... พอหันหลังเตรียมจะกลับ ก็เห็นตรงบริเวณลานจอดรถของชายหาดมีรถยนต์มาจอดกันอยู่หลายสิบคัน ในรถก็มีทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่วัยรุ่น ยันรุ่นคุณปู่คุณย่า แต่ส่วนมากจะมาเป็นคู่ๆ มากระหนุงกระหนิงดูพระอาทิตย์ตกเหมือนกัน....เห็นล่ะก็อดยิ้มตามไม่ได้อ่ะนะ

จากนั้นก็ได้เวลาเดินกลับ หนทางอีกยาวไกลยังรอเราอยู่ ไอ้ตอนขามาอ่ะมันไม่เท่าไหร่หรอก อากาศเย็นสบาย แต่ก็ลืมไปว่า พอตกดึกแล้วจะหนาวถึงหนาวโคตร! เราอ่ะเตรียมตัวมาดีเพราะเป็นคนขี้หนาวอยู่แล้ว แต่น้องชายคนนึงในบ้านนี่สิ ใส่มาแค่เสื้อฟุตบอลกับกางเกงวอร์ม!! คืออยากบอกว่า เวลากลางคืนเนี่ย มันยังหนาวมากอยู่จริงๆนะ ต่ำกว่า 10 องศาแน่ๆ แล้วไหนจะลมที่เวลาพัดทีนี่เย็นไปถึงกระดูก จะให้วิ่งกลับบ้านก็วิ่งไม่ไหวเพราะขามันแข็งไปหมด พยายามโบกรถก็ไม่มีคันไหนจอด! แถมไฟถนนสองข้างทางก็ไม่มีนะ แล้วมันก็จะมืดมากกกก เพราะต้องเดินผ่านป่าด้วย......สุดท้ายก็เลยได้แต่เดินกอดกันกลมจนถึงบ้าน ทั้งกลัวสัตว์ป่า ทั้งหนาว....ใช้เวลาทั้งสิ้นเกือบๆ 2 ชั่วโมงได้......แต่ถามว่าเข็ดมั๊ย? ก็ตอบได้เลยว่า ไม่ อิอิ

ลากันไปด้วยรูปนี้นะคะ



Comments

Popular Posts