The Lobster Claw!

Lobster Lobster Lobster! เอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา มีใครบ้างไม่อยากกิน! (จริงม๊ะ) Lobster เป็นกุ้งขนาดใหญ่ ที่ราคามหาโหดมากๆในไทย แต่ที่นี่ ติดทะเล หา Lobster กินกันได้ไม่ยาก แถมราคาก็ไม่ถึงกับมหาโหดอะไรขนาดนั้น เพราะถ้างบน้อยๆ แซนวิส Lobster ที่ Stop&Shop ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในราคาไม่ถึง $10 เท่านั้น...

แต่วันนี้เป็นวันพิเศษ เป็นมื้อพิเศษ เรามีนัดเลี้ยงส่งน้องชายอีกสองคน ที่จะเดินทางกลับบ้านเกิดในวันพรุ่งนี้

โดยเรา ได้นัดแนะกับโจสซี่และฮวนที่ทำงานตอนเช้าว่า หลังเลิกงานให้มาเจอกัน แล้วไปกิน Lobster กันเถอะ (เลี้ยงส่งเรื่องเล็ก จริงๆก็อยากกินอยู่แล้วมากกว่า!)

 ก่อนถึงเวลานัด...ยังพอมีเวลาให้เรากับน้องๆไปลั้ลลา เฮฮาถ่ายรูปเล่นกันไปตลอดทาง..

 ดูจากรองเท้าของแต่ละคนแล้ว เหมาะกับการไปกินอาหารหรูๆมากค่ะ (ประชด!) ...

ช่วงนี้ใกล้เข้าหน้าร้อนแล้ว อากาศเย็นสบายกำลังดี แต่แดดแรงมาก เพราะฟ้าโปร่ง แทบไม่มีเมฆและตึกสูงมาบังแดดเลย ปลื้มมากกกกค่ะ

 ช่วงเข้าใกล้ฤดูร้อนของที่นี่ ทุกๆอย่างดูจะคึกคักไปซะหมด ร้านไอศกรีมต่างพากันเปิดบริการเอาใจเด็กๆและนักท่องเที่ยวที่จะแห่กันมาเที่ยวให้ฤดูร้อน เพราะที่ Cape Cod นี่เปรียบเสมือนฟลอริด้าของฝั่งตะวันออกเลยทีเดียว..

ร้านค้าต่างๆก็ประดับประดาร้านกันอย่างสวยงาม ดึงดูดลูกค้า แต่ที่เห็นกันแทบจะทุกร้านก็คือ "ธงชาติอเมริกา" นี่แหละค่ะ ติดกันแทบทุกร้าน บางร้านติดยาวรอบร้านเลย..

เนินเขาเล็กๆบริเวณนี้ เมื่อตอนฤดูหนาวปกคลุมไปด้วยหิมะ หนามากๆ จนเพื่อนชาวเปรูที่แวะมาเห็นรูปนี้เราอัพลงเฟซบุ๊ค ถึงกับตกอกตกใจ ที่ตอนนี้มันดูเขียวชะอุ่ม น่าวิ่งเล่นมากๆ :)

เราเดินออกจากบ้านเลี้ยวซ้ายไปตามถนนเรื่อยๆ จนเดินมาถึงร้าน Wendy's ...พอมาถึงก็ได้เห็น JP ผู้จัดการหนุ่มสุดแสบของเรากำลังพักเบรคอยู่พอดี....เลยแกล้งเข้าไปถ่ายรูปด้วยซะหน่อย ฮ่าๆๆ

ฮีก็เขิลซะกินไม่ลง ทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว (จะเขิลทำไมฟร่ะ!)

ส่ง จู จุ๊บ! ให้กันหน่อย ฮ่าๆๆ จริงๆแล้วเขาเป็นคนที่น่ารักมากนะคะ อายุไล่เลี่ยกับเรา แต่ก็ได้เป็นผู้จัดการซะแล้ว พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก สำเนียงฟังง่ายกว่าสำเนียงคนเปรู หรือคนละตินด้วยกัน แถมยังใจดีกับพวกเด็กไทยตาดำๆอย่างพวกเราเป็นพิเศษ เสียอย่างเดียวคือเจ้าชู้มากก โชคดีที่เราสนิทกับแฟนเค้า ซึ่งก็คือ โจสซี่ เ้้ค้าก็เลยไม่กล้ามารุ่มร่ามกับพวกเราเท่าไหร่...

เดินถ่ายรูปเล่นกันมาตามทางเลยๆ จนมาถึงหน้าร้าน The Lobster Claw จนได้...

(ขออนุญาตยืมรูปจากอากู๋นะคะ เพราะตอนไปถึงหน้าร้านก็แอบมืดแล้ว กล้องถ่ายไม่ชัดเท่าไหร่ค่ะ)

ร้าน The Lobster Claw ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 42 ถนน Cranberry Hwy (rte 6a), Orleans, MA ค่ะ เป็นร้านอาหารที่เน้นเสิร์ฟ Lobster เป็นหลักค่ะ (ดูจากชื่อร้านก็แน่ล่ะ...) ซึ่งจะเปิดให้บริการเป็นเฉพาะช่วง ไม่ได้เปิดตลอดทั้งปี ซึ่งช่วงเวลาเปิดปิดของร้านเราไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่คิดว่าน่าจะปิดให้บริการในช่วงหน้าหนาว และเปิดให้บริการประมาณช่วงเดือนเมษาค่ะ ยังไงลองเข้าไปเช็คข้อมูลก่อนได้ที่นี่ค่ะ CLICK!

จากประวัติคร่าวๆของร้าน (ตามเวปไซต์ของร้าน) ก็พอจะทราบว่า ร้านนี้เปิดกิจการมาแล้วประมาณ 44 ปี โดยบรรกาศของร้านและการให้บริการก็จะเป็นแบบสบายๆ ไ่ม่ต้องแต่งตัวเนี๊ยบ ใส่เดรส ใส่สูทเข้ามาทานค่ะ แต่สามารถแต่งตัวแคชชวล ธรรมดามาทานได้เลย เพราะเค้ามี Motto ว่า "we would like to invite you to enjoy a lunch or dinner at a place that will make you feel like you are right at home."


บรรยากาศในส่วนร้านอาหารของร้านค่ะ.....

นอกจากโซนร้านอาหารแล้ว ที่นี่ยังไม่ในส่วนของ Gift Shop เพื่อขายของที่ระลึกเกี่ยวกับเจ้ากุ้ง Lobster ด้วยค่ะ (จากที่สังเกตุ ร้านส่วนใหญ่ที่นี่ไม่ว่าจะขายอาหาร ขายเครื่องดื่ม หรือขายอะไรก็แล้วแต่ จะต้องมีส่วนของ Gift Shop ในร้าน ที่ขายของเป็น Gimmick เล็กๆของร้านค่ะ)

 
   

เรารอโจสซี่กับฮวนอยู่หน้าร้านสักครู่ พอมากันครบก็เดินเข้าไปในร้าน พนักงานยิ้มแย้มต้อนรับพวกเราและเชิญให้ไปนั่งที่โต๊ะ พร้อมกับเอาเมนูมาวางตรงหน้า....โดยเมนูเกือบทั้งหมดก็จะเป็นอาหารทะเล โดยเน้น Lobster เป็นส่วนประกอบ ซึ่งก็มีตั้งแต่แซนวิสราคาไม่แพงมากไปจนถึงกุ้ง Lobster ที่ให้เราเลือกนำไปทำอาหารประเภทต่างๆ (ประมาณต้ม นึ่ง ผัด) อันนี้ราคาก็จะแพงขึ้นมาหน่อย...

ด้วยความที่ติดนิสัยคนไทย ก็กะจะสั่งมานิดหน่อยแล้วทานด้วยกัน แต่พนักงานสาวสวยก็บอกว่า "ไม่ได้ค่ะ" ต้องสั่งจานใครจานมันเท่านั้น สรุปคือ มากี่คน ก็ต้องสั่งจำนวนอาหารให้เท่าคน ห้ามแบ่งนะคะ...:( สรุปแล้วเราเลยสั่ง Boiled Live Lobster (1¼ lbs)

  
นั่งถ่ายรูปเล่นระหว่างรออาหาร จนคนมองกันทั้งร้าน!! รอสักพัก เจ้า Lobster ที่เราสั่งก็ถูกนำออกมาเสิร์ฟ.......

 
ดูจากขนาดตัวกุ้งและขนาดหน้าซะก่อน โฮะๆๆๆ (เรากับเพื่อนสาวสนุกสนานกับการเอาเจ้า Lobster ตัวนี้มาถ่ายรูปเล่นมากๆ ไม่ได้กินสักที ฮ่าๆๆ)

หลังจากได้อาหารครบทุกคน ก็ได้เวลาลงมือรับประทาน! คือเจ้ากุ้งต้มตัวนี้เนี่ย เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียงคือสลัด กับเนย และมีน้ำจิ้มเป็น น้ำมันมะกอกที่มีเกลือใส่อยู่!! (แอบคิดในใจว่าอยากได้น้ำจิ้มซีฟู๊ดแซ่บๆหง่ะ)  พอชิมคำแรก รสชาติมันเหมือน...เหมือน..เหมือน ไก่! คือทำไมเนื้อมันไม่หวาน ไม่มันส์เหมือนกุ้งแม่น้ำเผาบ้านเราเลยยยยย ออกแนวจืดๆชืดๆ น้ำจิ้มน้ำมันมะกอกกะเกลือนั่นกินไปกินมาก็เลี่ยนมากกกก เชื่อป่ะว่ากุ้งตัวนี้เรากินไม่หมด! ต้องให้เค้าห่อกลับบ้านมาให้ (น้องคนอื่นๆก็เหมือนกัน) 

เราอาจจะเลือกผิดไปหน่อย ถ้าเอาไปปรุงแบบอื่น น่าจะอร่อยกว่านี้นะ...

พอทุกคนเห็นพร้อมกันว่า "อื่ม" เถอะ! ก็ได้เวลาเรียกคิดเงิน อ้อ! ที่นี่เวลาจะเรียกพนักงานคิดเงินให้บอกว่า "Check Please!" หรือไม่ก็ "Bill Please!" นะคะ ไม่ต้องมาครบทั้ง Check ทั้ง Bil.. เดี๋ยวฝรั่งจะงง =="

เบ็ดเสร็จมื้อนี้โดนไปประมาณ $200 กว่าเหรียญ (ก็ประมาณ 6000 กว่าบาท! เฮือก!!) เป็นค่าอาหาร และทิปที่เห็นแล้วช็อคมาก เพราะโดนค่าทิปไปทั้งสิ้น $25 (ต้องจ่ายนะคะ ต่อรองไม่ได้) 

สรุปว่า ครั้งแรก และ ครั้งเดียว นะจ๊ะ Lobster จ๋า... กินมื้อนึงเท่ากับค่าแรงครึ่งอาทิตย์เลยทีเดียว ฮือๆๆๆ

 

 


 

Comments

Popular Posts